อานิสงส์ 7 ประการ จากการไหว้พระสวดมนต์ที่คุณอาจไม่รู้ แต่มีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก
มีคำนึงกล่าวเกี่ยวกับการสวดมนต์ไว้ว่า “ถ้าสวดเป็น ก็เห็นธรรม” มีความหมายที่ต้องการจะสื่อว่า การสวดมนต์นั้นมีบุญมาก ยิ่งถ้าผู้สวดมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่สวดด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะได้ประโยชน์แก่ตัวผู้สวดเองทั้งสิ้น แม้แต่ในคัมภีร์พระไตรปิฎกเองยังระบุถึงอานิสงส์ที่จะได้รับจากการสวดมนต์อีกด้วย
สารบาญ
- เข้าใจพระธรรมคำสอนอย่างแจ่มกระจ่าง
- รื่นเริงเบิกบานใจ
- อิ่มเอิบใจ
- กายสงบระงับ
- มีความสุข
- จิตเป็นสมาธิ
- เป็นเหตุแห่งความหลุดพ้นจากกิเลส
สวดมนต์พระประจำวัน
พระวันจันทร์ | พระวันอังคาร | พระวันพุธกลางวัน | พระวันพุธกลางคืน | พระวันพฤหัสบดี | พระวันศุกร์ | พระวันเสาร์ | พระวันอาทิตย์
การสวดมนต์ คือการท่องจำคำพระธรรม คำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล เป็นการท่องคำศักดิ์สิทธิ์ คำสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ โดยเฉพาะถือเป็นกิจที่สำคัญของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร นักบวช นักบุญทั้งหลาย ต้องถือปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรที่ห้ามขาด ซึ่งในแต่ละสำนัก แต่ละคน ก็มีการถือสวดไม่เหมือนกัน บางสำนักสวดเฉพาะภาษาบาลี บางสำนักให้สวดภาษาบาลีและคำแปลก็มี ไม่มีกฎข้อบังคับ สามารถถือปฏิบัติได้ตามความเชื่อความศรัทธา แต่ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมแบบใด การสวดมนต์ก็มีประโยชน์นับหลายประการ โดยในคัมภีร์พระไตรปิฎกเล่มที่ 10 ได้มีบันทึกอานิสงส์ของการสวดมนต์ ไว้ดังนี้
- เข้าใจพระธรรมคำสอนอย่างแจ่มกระจ่าง
ปัญญาเกิด การสวดมนต์พร้อมคำแปลทำให้ได้รู้และเข้าใจถึงความหมายของบทสวด เพราะสิ่งที่เอ่ยคำสวดไปนั้นล้วนเป็นหลักธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น ขณะสวดด้วยกาย วาจา ใจที่แน่วแน่ จะได้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า ราวกับได้เข้าเฝ้าพระองค์ ด้วยการปฏิบัติบูชา
2. รื่นเริงเบิกบานใจ
การสวดมนต์ทำให้จิตใจของผู้สวดสดชื่นเบิกบาน ผิวพรรณผ่องใส และมีเสน่ห์ จิตที่สดชื่นเบิกบานย่อมส่งผลให้ผิวพรรณดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกเป็นมิตร รักใคร่เอ็นดู และเมื่อสวดกันเป็นหมู่คณะด้วยความพร้อมเพรียงกัน เสียงก็จะดังกัองกังวานนุ่มนวลชวนให้เกิดความเลื่อมใสแก่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วย เทวดาได้ยินก็ชื่นชม แม้พรหมได้ยินก็สรรเสริญ
3. อิ่มเอิบใจ
ไหว้พระสวดมนต์แล้วทำให้จิตใจยึดโยงอยู่กับของสูงคือ คุณพระรัตนตรัย และจิตใจก็ตั้งมั่นได้ดีอีกด้วย เกิดความเป็นสิริมงคล การสวดมนต์เป็นการทำความดีไปพร้อมกันทั้งทางกาย วาจา ใจ การทำดี พูดดี คิดดี ย่อมเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ใจก็จะถูกขัดเกลาจนใสสะอาดบริสุทธิ์
4. กายสงบระงับ
ขันติบารมีย่อมเพิ่มพูน ขณะสวดต้องใช้ความอดทนเพื่อเอาชนะอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ตลอดถึงอารมณ์ฝ่ายต่ำทั้งหลายมีความเกียจคร้าน เป็นต้น ยิ่งสวดบ่อย ความอดทนก็จะมีมากยิ่งขึ้น
5. มีความสุข
ครอบครัวและสังคมสงบสุข ที่พ่อบ้าน แม่บ้าน สวดมนต์อยู่เป็นประจำ และสอนให้บุตรหลานได้สวดมนต์ จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง และการที่จะไปสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นก็ไม่มี มีแต่จะทำให้คนรอบข้างและสังคมอยู่เป็นสุข สงบ ร่มเย็น และยังเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นอีกด้วย
6. จิตเป็นสมาธิ
การทำสมาธินั้นมีหลายรูปแบบหลายวิธี การสวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ผู้สวดเกิดความสงบได้ เพราะขณะที่สวดนั้นผู้สวดต้องมีความตั้งใจแน่วแน่ มีสติ สามารถจดจำบทสวดได้ไม่ให้ผิด ขณะสวดจิตย่อมจดจ่อในบทสวด จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่วอกแวกฟุ้งซ่านไปที่อื่น จึงทำให้จิตสงบและเกิดสมาธิมั่นคง ก่อให้เกิดปัญญา จะทำการงานใดๆ ก็สำเร็จ
7. เป็นเหตุแห่งความหลุดพ้นจากกิเลส
บุญบารมีเพิ่มพูน ในขณะสวดมนต์ จิตใจย่อมปราศจากกิเลส มีความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงได้ชื่อว่าเกิดบุญบารมี บุญบารมีนี้เมื่อสั่งสมมากเข้าก็จะเป็นทุนสนับสนุนให้บรรลุผลตามที่ต้องการ ช่วยให้พิจารณาอยู่เสมอว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
การสวดมนต์นั้น มองผิวเผินแล้วดูเป็นกิจกรรมที่เป็นกิจกรรมที่เป็นกุศล แต่บางครั้งการสวดมนต์ที่พบได้มากมักเป็นนิยมสวดเพื่อบวงสรวง บนบานศาลกล่าว วิงวอน อธิษฐาน หากกิจกรรมกุศลนี้ดำเนินไปด้วยความเข้าใจในสิ่งที่สวดอย่างแท้จริง มีความสำคัญ และมีความหมาย จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวผู้สวดได้อย่างแท้จริง
สวัสดียังมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสวดมนต์
อย่าลืม เป็นเพื่อนกับเราบนเฟสบุ๊กกรุ๊ปสวัสดี เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุด กิจกรรมถูกใจวัยเก๋า ด้วยนะคะ
เป็นเพื่อนกับเรา
รับข้อมูลล่าสุด และติดตามกิจกรรมที่น่าสนใจของสวัสดี
Responses
You must log in to post a comment.