วิธีรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ต

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับมิจฉาชีพหลอกขโมยข้อมูลหรือบัญชี Instagram ส่วนตัวของดาราถูกแฮก เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าโลกอินเทอร์เน็ตไม่ใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยเสมอไป เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณได้ทุกเมื่อ เราได้ทำการรวบรวมคำแนะนำ 3 ข้อในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไรให้ปลอดภัยโดยปราศจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
- เชื่อมต่อผ่าน VPN
VPN (Virtual Private Network) เป็นเครือข่ายส่วนตัวเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ทางการทหารเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ VPN ถูกใช้เพื่อการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น เช่น เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นประเด็นอ่อนไหวต่อสังคม: วิจารณ์รัฐบาล ศาสนาหรือสถาบันกษัตริย์ สื่อลามก คาสิโนออนไลน์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยหลักการณ์ก็คือการปลอมแปลงที่อยู่ไอพี (IP Address) ของตำแหน่งที่ตั้งอื่น ๆ เช่น จากไทยเป็นแคนาดา เพื่อการเข้าสู่เว็บไซต์
นอกเหนือไปจากการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นแล้ว VPN ยังถูกใช้สำหรับการรักษาความเป็นส่วนตัวในการใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน เช่น ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมเพื่อปกปิดตัวตน นอกจากการใส่ชื่อและนามสกุลปลอมแล้ว ผู้ใช้ยังจำเป็นต้องปกปิดที่อยู่ไอพีของตนเองเพื่อไม่ให้ถูกแกะรอย อย่างไรก็ตาม VPN ไม่สามารถถูกนำไปใช้กับเว็บไซต์ทุกเว็บไซต์ เช่น คาสิโนออนไลน์อย่าง 7 Slots ที่จะมีการแบนการเข้าถึงผ่าน VPN
- ระวังลิงค์ใน SMS อีเมล์และ Line
ในอดีตนั้นเราอาจจะพูดได้ว่า ‘ระวังลิงค์จากเว็บไซต์แปลก ๆ’ แต่ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะไม่สามารถนำมาใช้ได้กับสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เพราะมิจฉาชีพสมัยใหม่ได้มีการทำให้ลิงค์ดูน่าเชื่อถือมากกว่าเดิมด้วยการสร้างลิงค์เลียนแบบหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐ เช่น กรมสรรพากร แต่จะมีการตัดอักขระออกบางตัวหรือใส่เครื่องหมาย - ระหว่างคำในลิงค์ กลลวงนี้ได้ทำให้ผู้เสียหายสูญเงินมานักต่อนัก เพราะเมื่อเหยื่อคลิกเข้าไปในลิงค์ พวกเขาจะพบกับหน้าเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเว็บไซต์จริง ๆ และหลงกลกรอกข้อมูลการเงินลงไปในเว็บไซต์
นอกเหนือไปจากข้อมูลการเงินแล้ว มิจฉาชีพบางกลุ่มยังขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อีเมลและรหัสผ่านสำหรับบัญชีโซเชี่ยลมีเดียด้วยเช่นกัน แต่ในกรณีนี้มักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่มีชื่อเสียง โดยจุดประสงค์ของมิจฉาชีพคือการเรียกค่าไถ่บัญชี การนำบัญชีไปขายต่อ การปลอมเป็นบุคคลนั้น ๆ เพื่อทักไปยืมเงิน ส่งลิงค์เพื่อหลอกข้อมูลคนอื่น ๆ ด้วยบัญชีผู้ใช้ของเหยื่ออีกที เป็นต้น ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ อย่าคลิกลิงค์ใด ๆ ก็ตามที่ส่งมาทาง SMS อีเมล์และ Line แม้จากบุคคลที่คุณรู้จักก็ตาม เพราะเขาอาจจะถูกมิจฉาชีพขโมยบัญชีนั้นมาอีกทีก็ได้
- อย่าแบ่งปันเรื่องราวของคุณบนโลกออนไลน์มากเกินไป
การแบ่งปันเรื่องราวบนบัญชีโซเชี่ยลมีเดียนั้นเป็นเรื่องดี เพราะเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวจะได้รู้ข่าวสารและการเคลื่อนไหวของเรา แต่นอกจากพวกเขาแล้ว ผู้ไม่หวังดีก็จะรู้การอัปเดทของคุณเช่นเดียวกัน รวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่าง เช่น วันเกิด ซึ่งคุณทราบหรือไม่ว่า สลิปเงินเดือนจาก HR และอีเมลที่บริษัทประกันภัยและธนาคารส่งมานั้นจะมีการใส่รหัสผ่าน ซึ่งรหัสผ่านมักจะเป็น ‘วัน/เดือน/ปีเกิด’ หรือไม่ก็ ‘เลขบัตรประจำตัวประชาชน’ ด้วยเหตุนี้ ลองจินตนาการดูซิว่าถ้าเกิดมีผู้ไม่หวังดีสามารถแฮกเข้าสู่อีเมลของคุณได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ในอีเมลของคุณ
นอกจากนี้ หากคุณเคยดูซีรี่ย์เรื่อง ‘You’ ภาคแรกที่ฉายใน Netflix คุณจะเห็นว่าพระเอกที่ชื่อว่าโจแอบแกะรอยตามนางเอกจากอินเทอร์เน็ต เขาใช้ชื่อและนามสกุลของเธอไปค้นหาใน Google แล้วเขาก็พบกับบัญชีโซเชี่ยลมีเดียของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าเธอแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอทุก ๆ วันแบบสาธารณะ ทั้งข้อความ รูปภาพและวิดีโอ และที่น่าตกใจคือเขาสืบได้จนถึงขั้นสามารถหาที่อยู่อพาร์ตเมนต์ของนางเอกเจอและตามไปแอบดูที่บ้าน ฟังดูน่ากลัวสุด ๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ
และนี่ก็เป็นคำแนะนำ 3 ข้อถึงวิธีรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ต นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว เราขอแนะนำให้คุณทำการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านบัญชีโซเชี่ยลมีเดียของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพราะไม่เพียงแต่ป้องกันบัญชีของคุณให้ปลอดภัยจากแฮกเกอร์แล้ว ยังสามารถป้องกันบัญชีของคุณจากคนใกล้ตัว เช่น เพื่อนที่ไม่หวังดีหรือแฟนเก่าที่จ้องจะเล่นงานคุณ ขอให้ท่องโลกอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและมีความสุข!
Responses
You must log in to post a comment.